สวรรค์เป็นทุกข์


สวรรค์ เป็น ทุกข์

นำคำสอนพ่อหลวงพระธุดงค์ มาแบ่งปันกันอีกครั้งหนึ่งคะ
หมายเหตุ พ่อหลวงพระธุดงค์ ไม่ใช่นามจริงๆ ของ ท่าน กิ่งไม้ไทยตั้งนาม ขึ้นมาเองแทนองค์หลวงพ่อท่าน เพราะตอนขออนุญาตท่าน นำคำสอนมาแบ่งปันเพื่อนฝูง ท่าน อนุญาติ แต่ให้ ถือว่า เป็นธรรม จาก กิ่งไม้ไทยเอง ไม่ต้องกล่าว นามท่าน ถ้าธรรมะตกหล่นอย่างไร ขออภัย กิ่งไม้ไทย อาจฟัง และ ถอดเทป ผิดพลาด แต่ฟังธรรมะท่านแล้ว ได้ความรู้ ข้อคิด สกิดใจ มากมาย เลย อดไม่ได้ ที่่จะขอนำมาแบ่งปันคะ
สำหรับธรรมะ บทนี้ ท่านเทศน์ อยู่ในช่วง พย 49- มค 50 ค่ะ

"
ทำความพ้นทุกข์ ทำความรู้สึก เพราะจิตวิญญานเราไม่ได้พะวงตรงนั้น
จึงให้ไปเกิดตรงนั้นเราไปเกิดไม่ได้ เพราะมันพ้นแล้ว เราละได้เด็ดขาด

ถ้าเราห่วงนั้นเหมือนกับที่เขาฝังทรัพย์ฝังเงินฝังทองไปเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ อยู่เพราะอะไร เพราะจิตมันไปพะวงอยู่ตรงนั้น เรียกวิญญานมันไม่ขาด เราไปทำสัญญาไว้ตรงนั้น เลยไปเฝ้าอยู่ตรงนั้น
นี่เรียกว่ามีอะไรอยู่มะม่วงสักต้นก็ดี พอตายไปเกาะอยู่ตรงนั้น เป็นมดแดงอยู่ตรงนั้น จะว่ายังไง ทำอย่างไร จึงว่าให้ตัดอารมณ์
ได้ ทำวิญญานนั้นให้ดับ ต้องการให้วิญญานขาด ความรู้สึกก็ขาดตรงนั้น


ถ้าทำตรงนั้นไม่ได้ นั่นแหละ พาให้เสีย พาให้ทุกข์ พาให้เกิด อย่างนั้นเขาเรียกว่าพาวน ไม่ได้พาให้ดับ มันจะดับตรงนั้นได้ 

ทาน คือ การให้ ไม่ใช่การเอา เพื่อเอาออก

เรามาพิจารณาว่า เราเกิดมา ตั้งแต่วันเกิด ถึงบัดนี้ อายุก็ล่วงไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าความสุขมี เราน่าจะได้ความสุขตรงนั้น เพราะเราอยู่มานาน ชีวิตความเป็นอยู่ในบ้านในเรือน อายุถึงบัดนี้ จึงมาแบ่งอายุขึ้น ว่าเหลือเท่าไร แล้ว เรามาศึกษาในศาสนา ในคำสอนของพระพุทธเจ้าดู ตอนที่เรายังมีชีวิตอยู่ ให้ได้รู้จัก ว่าศาสนาคำสอนที่พระพุทธเจ้าท่านได้สอนไว้ มันวิเศษ วิโส มีดีขนาดไหน เรามาศึกษาตรงนี้ดู ถ้ามันไม่ได้ผลค่อยกลับไป มันไม่เสียหายอะไร แต่ต้องทำให้จริงจัง มาศึกษาให้รู้ ถ้าเราไม่ได้ศึกษา เราขาดทุน ขาดทุนที่เราอยู่ทางบ้าน ศึกษาแต่เรื่องทางบ้านอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าเอาหน้าเดียว ทำอย่างเดียว มันไม่พอ การที่เรามีศาสนา มีคำสอนอยู่ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ เอาชีวิตร่างกายเจ้าของไปศึกษากับสิ่งนั้น ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไว้ ที่ท่านสอนไว้เป็นอย่างไร ศึกษาไปให้จริงจัง

เรารู้เราเองว่าตั้งแต่เราอยู่ในโลกตั้งแต่วันเกิดจนบัดนี้ ด้านไหนมีประโยชน์มากกว่าเพื่อไม่ให้ขาดทุนในความเป็นอยู่ของตนที่เจ้าของเกิดมาเป็นคน อย่าเป็นคนหน้าเดียว ถ้าเป็นคนหน้าเดียวมันไม่คุ้มค่า ที่เรานับถือพระพุทธศาสนา

เราเกิดมาเจอะคำสอนแล้ว อย่ามัวแต่นับถืออยู่ ไม่เข้าถึงความเป็นจริง 
ความรู้สึกของเรานี่ จะไม่ได้รับรสชาดของศาสนานั้น เพราะเราไม่เข้าถึงความเป็นจริง ไม่สามารถชิมรสชาด เหล่านั้นได้

อันนี้รสชาด ตามบ้าน ที่เป็นอยู่ เรื่องเหล่านี้มันเป็นอยู่มาแต่ไหนแต่ไร แต่ก่อนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ โลกเป็นอยู่อย่างนี้ พูดตั้งแต่เริ่มต้น มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ตั้งแต่เกิดพื้นโลกขึ้นมา ให้มนุษย์มาปรากฏบนโลก

ตั้งแต่วันนั้นมาถึงบัดนี้ ถ้าพูดถึงเรื่องโลก มันเป็นอยู่อย่างนี้มาตลอด ไม่มี ใครที่จะ ให้สมความปรารถนา ให้มีความสุข พ้นจากทุกข์เหล่านั้นไปได้ มันไม่มี นอกจากพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เรื่องความจริงเหล่านั้น ออกมาเปิดเผย ว่าความเป็นโลกเป็นอย่างไร เข้าใจความเป็นจริงนั้น การตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้า จึงได้พ้นจากโลกเหล่านั้นได้ หรือพระปัจเจตพุทธเจ้าต่างๆ มาเข้าใจโลก เลยพ้นจากโลกได้ และสาวกผู้ปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า มาเข้าใจ ความเป็นจริงเหมือนที่พระพุทธเจ้าสอนไว้

ว่า ความเป็นจริงอย่างไร โลกเป็นอย่างไร เมื่อเห็นตามความเป็นจริงที่มันมีอยู่ มันก็พ้นทุกข์ได้เหมือนพระพุทธเจ้า คือบุคคล 3 จำพวกเหล่านั้น ตั้งแต่บังเกิด ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือมีโลกปรากฏขึ้น ทุกอย่าง ได้ สมหวัง ก็มีแต่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจตพุทธเจ้า และสาวกของพระพุทธเจ้า นอกนั้นไม่มี

ถ้าพูดถึงเรื่องโลกนั้น มันไม่มี ไม่มีใครมีความสุขได้ เป็นอยู่อย่างนี้มา แต่ไหนแต่ไร สุขๆ ทุกข์ๆ อยู่อย่างนั้นเอาแน่นอนอะไรไม่ได้ พระพุทธเจ้ามาเห็นความจริง การตรัสรู้ ทุกข์ ความรู้ของพระพุทธเจ้า ก็มาเห็นความจริงเหล่านั้น เมื่อเข้าใจรู้แจ่มแจ้งแก่ตนเองแล้ว จึงสอนให้ผู้อื่นได้รู้ตามด้วย ว่าความเป็นโลกเป็นอย่างไร 

ถ้าเรามาคิด มาระลึกว่า เราก็เกิดมาเป็นคนเหมือนพระพุทธเจ้า มีรูป มีกาย มีหู มีตา มีแข้ง มีขา มีตีน มีมือ มีความรู้สึกความเป็นอยู่ เหมือนกันกับพระพุทธเจ้า การเกิดมาเป็นคนไม่แตกต่างกันตรงไหน มาปฏิบัติธรรม ที่พระพุทธเจ้าท่านสอน เพราะเราก็เป็นเหมือนพระองค์ ให้เข้าใจสิ่งเหล่านั้นที่เรามีอยู่ พระองค์มีอยู่อย่างไร เราก็มีอยู่อย่างนั้น ความจริงที่พระองค์ตรัสรู้เป็นอย่างไร ในเราก็มีอยู่ สิ่งเหล่านั้นเป็นอย่างไร เมื่อเข้าใจความเป็นจริงก็เข้าใจเรื่องโลก เห็นความเป็นจริงที่เรามีอยู่



เรื่องบุญ เรื่องทาน ที่ทำกันอยู่ 
ทำบุญตักบาตร กฐิน ผ้าป่า บุญเหล่านั้นที่เราทำอยู่ ที่โลกเขาทำกันอยู่ เรื่องการบุญเหล่านั้น เขาเรียกว่าบุญ เอื้อเพื้อเผื่อแผ่ ผู้อืนก็ดี อันนั้นท่านเรียกว่าบุญ แต่บุญเหล่านั้น ไม่สามารถที่จะทำให้ถึงที่สุดของทุกข์ได้ 
ไม่สามารถที่จะทำให้พ้นทุกข์ได้อย่างเด็ดขาด เพราะบุญเหล่านั้นชั่วครั้งชั่วคราว ไม่แน่นอน ความดีเหล่านั้น มันดีไม่ถึงที่สุด ดีเหล่านั้นไม่เป็นอมตะ ดีชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ใช่ดีเหมือนพระพุทธเจ้า เพราะดีเหล่านั้นเป็นดีนอก ศาสนา นอกคำสั่งสอนจากอริยสัจสี่ มันเป็นดีนอกศาสนา ดีนอกคำสอน เพราะดีตรงนั้น เราได้แค่สวรรค์ มีความสุขในความดีตรงนั้นได้แค่สวรรค์ 
เราไม่กลัวสวรรค์ เพราะว่าเราติดความสุขเหล่านั้น แต่ความสุขเหล่านั้น ไม่เที่ยงแท้ ไม่แน่นอน ไม่เป็นอมตะ 


เรานี่กลัวเทวดา กลัวการเกิดในสวรรค์ เพราะว่าสวรรค์เป็นทุกข์ สวรรค์เป็นโทษ แต่เขาชอบสวรรค์ 
คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นภูมิ เทวดา และมนุษย์ ทั้งหลาย เพราะพระองค์เข้าถึงความจริง พ้นจากสวรรค์เหล่านั้น พ้นจากการเป็นเทวดาเหล่านั้น เพราะสอนเทวดา ให้พ้นจากการเป็นเทวดา เพราะการเป็นเทวดาก็เป็นทุกข์ เป็นสวรรค์ก็เป็นทุกข์ ทุกข์แบบสวรรค์ ก็น่ากลัว ทุกข์แบบมนุษย์ก็น่ากลัว ทุกข์แบบอบายภูมิ นรกต่างๆ น่ากลัว 

แต่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า สอนให้เห็นความจริงในทุกข์เหล่านั้น มีแต่เรื่องทุกข์ทั้งหมด ตั้งแต่อบายภูมิทั้งสี่เหล่านั้น มนุษย์ สวรรค์เหล่านั้น เป็นเรื่องทุกข์ทั้งหมด แต่ว่า ทุกข์ มาก หรือ ทุกข์น้อย เท่านั้น แต่ต้องทุกข์ 
ส่วนมาก ทำบุญ ปรารถนา จะเอาสวรรค์กัน แต่หารู้ไม่ว่าสวรรค์นี้ น่ากลัว ทำบุญปรารถนาตรงนั้น สวรรค์เป็นเรื่องนอกศาสนา เพราะเป็นนอกอริยสัจ เพราะสวรรค์ก็เป็นทุกข์ 

ที่ว่าเป็นทุกข์ เพราะอย่างไร เป็นทุกข์ เพราะมีกายอยู่ มีกายต้องเป็นทุกข์ในกาย มีใจต้องเป็นทุกข์ในใจ มันไม่เข้าใจ ไม่เห็นโทษ ไม่เห็นโทษของกาย ไม่เห็นโทษของใจ การไปเกิดตรงไหนก็ตาม ตราบใดถ้ายังมีกายมีใจอยู่ หาความสุขไม่ได้ ไม่ได้เป็นอมตะธรรม ที่เราทุกข์อยู่ทุกวัน เราทุกข์เพราะเหตุอะไร ที่เราทุกข์ทุกวัน เพราะเหตุเรามีกาย มีใจอยู่ ถ้าเราไม่มีกาย มีใจ เราก็ไม่ทุกข์ ตรงไหนเป็นกาย เป็นใจ เป็นรูป เป็นนาม แล้วตรงนั้นต้องเป็นทุกข์จนได้ ไม่ว่าไปเกิดตรงไหน ขึ้นชื่อว่าโลก ต้องเป็นอย่างนั้น 


จึงเลยพระพุทธเจ้า มาให้ เราศึกษา เพราะพระองค์ศึกษามาแล้ว มาศึกษาเรื่องรูป เรื่องนาม ให้เข้าใจ ว่ารูป นามเหล่านั้นเป็นที่เกิดของความทุกข์ ทุกข์เกิดเพราะรูปนามเหล่านั้น มาทำความเป็นจริงให้ปรากฎกับตน ตนเข้าถึงรูป เข้าถึงนามเหล่านั้น ให้ละรูป ละนามเหล่านั้นได้ เราอยู่แบบมีแต่เรื่อง หาอยู่ หากิน ตั้งแต่วันเกิดมา ถึงปัจจุบัน ไม่เคยเข้าใจ ทุกข์เท่าไร ก็ทุกข์ไป ลำบากขนาดไหน ก็ลำบากไป ให้มารู้เรื่องเหล่านี้ รู้เรื่องไม่ได้ เพราะไม่ศึกษา

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=kingmaithai"



00482 โดย 2010-08-12 13:04:38 v : 2276



ดร.ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ

 

เว็บทางการศึกษา
ตรวจสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต
ข่าว The Nation
ข่าว CNN
ข่าว BangkokPost


มูลนิธิทางไกrลผ่านดาวเทียม
บริการการเรียนการสอนทางไกล ผ่านดาวเทียม จากโรงเรียนไกลกังวล หัวหิน
มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย
ศูนย์กลางการศึกษาผ่านระบบเครือข่าย ครอบคลุมการศึกษาทุกระบบ
GURU Online
พัฒนาครูไทย มาตรฐานเท่าเทียม เรียนได้ทุกที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ก้าวย่างอย่างเข้าใจ
การจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรสถานศึกษา
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
ส่งเสริมให้ข้าราชการออมเงินไว้เพื่อใช้ในยามเกษียณอาย
KARN.TV
รวมความรู้ แบบฝึกหัด กิจกรรมเพิ่มทักษะ สำหรับอนุบาล - ประถมต้น
ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อบริการประชาชน
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้บริการทั้งการสอบถามข้อมูล การรับเรื่องร้องเรียนและการให้บริการในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับภาครัฐ ของทุกกระทรวง ทบวง กรม ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ห้องสมุด มสธ.
IGCSE ติว IELTS
TOEIC ติว GED
IELTS ติว TOEIC
TDC : Thai Digital Collection
สืบค้นงานวิจัย ฉบับเต็ม



 

เรียนพิเศษโคราช

พัฒนาระบบโดย
ธีรวัฒน์ ภู่เจริญ

จดโดเมน Host ออกแบบเว็บไซต์ Web Design

ครูอินเตอร์.คอม ดร.ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ ภาวะผู้นำ บริหารการศึกษา