พร้อมไหม ! สำหรับวัยเกษียณ


พร้อมไหม ! สำหรับวัยเกษียณ

ปัจจุบันวิทยการด้านการแพทย์ที่ก้าวหน้าทันสมัย คนในปัจจุบันแข็งแรงมากขึ้น เพราะเอาใจใส่สุขภาพมากขึ้น ทำให้อายุเฉลี่ยของประชากรมากขึ้นไปด้วย นั่นหมายความว่า ประชากรโดยเฉลี่ยทั่วโลกจะมีช่วงชีวิตวัยเกษียณยืนยาวขึ้น ซึ่งแสดงว่ามีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อดำรงชีพในช่วงท้ายของชีวิตมากขึ้นด้วย แล้วคุณพร้อมกับวัยเกษียณแล้วรึยัง เพราะหากคุณไม่ได้วางแผนสู่วัยเกษียณ คุณก็อาจจะลำบากในบั้นปลายก็ได้ 

ลองมาดูกันนะครับ คนส่วนใหญ่ที่ทำงานตั้งแต่จบการศึกษาจนถึงเกษียณ  ทำไมทำงานไม่มีเงินเหลือเก็บ และการมีชีวิตภายหลังเกษียณโดยไม่มีคนเลี้ยงดูจะน่าเวทนาขนาดไหน  แล้วถ้าหันมาพึ่งกับลูกหลานจะได้รึเปล่า เราจึงควรมาสำรวจกันสุขภาพทางการเงินของตนเองกันก่อน 

          1.ที่ไม่มีเงินเก็บก็เกิดจากการไม่มีแผนทางการออมเงิน อยากใช้สอยอะไรก็ปล่อยไปตามใจ ใช้เงินเพื่อหาความสุข จากหยาดเหงื่อแรงงานของตนเอง
          2.ในแต่ละเดือนเราใช้สอยเงินเกินตัวอยู่รึเปล่า บางท่านอาจใช้บัตรเครดิตมาหมุนเวียน หรืออาจจะต้องหยิบยืมเงินคนรอบข้างเพื่อใช้หมุนเวียนกันเดือนต่อเดือนก็เป็นได้
          3. มีสิ่งล่อตาล่อใจให้เราต้องมีเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับชีวิตของเรา เช่น รถยนต์ คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ แล้วก็ต้องเปลี่ยนรุ่นให้ใหม่ตลอดเพื่อตาม trend ใหม่ให้ทัน
          4.หรือถ้ามีเงินอยู่บ้างแล้ว คุณคิดว่ามีเงินพอหรือไม่ เพราะค่าเงินที่มีอยู่อาจลดน้อยลงไปเนื่องจากเงินเฟ้อที่ทำให้เงินในอนาคตมีค่าลดลงไป ยกตัวอย่างเช่น เงิน 100 บาทในปัจจุบันจะเห็นว่าซื้อของได้น้อยลงไม่ว่าจะเป็นค่าอาหารที่สูงขึ้นตามราคาต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไป

          ถ้าท่านไม่ตระหนักถึงหัวข้อที่กล่าวมาในเบื้องต้นก็อาจทำให้วัยเกษียณอาจต้องลำบากได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่ต้องการ จริงๆแล้วที่ว่าต้องมีเงินเหลือเก็บ นั้นไม่จำเป็นต้องมีคนละหลาย ๆ ล้าน แต่มีใช้อย่างพอเพียง รู้จักเก็บรู้จักจ่าย ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย แต่อย่างไรก็ตามทุกคนจะต้องมีทุนรอนขั้นต่ำสำหรับการเลี้ยงชีพในยามเกษียณสักก้อนหนึ่ง ซึ่งเราจะมีเงินนี้ได้ก็จะต้องวางแผนและเริ่มเก็บเสียตั้งแต่ตอนที่ยังมีแรงทำงานในวันนี้ 

การวางแผนเพื่อเก็บเงินไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงความตั้งใจจริงทุกคนก็สามารถทำได้ โดยสิ่งที่จำเป็นต้องทำก็คือ 

          1.ดูสถานะการเงินของตนเองในปัจจุบัน ว่ามีทรัพย์สินสุทธิเท่าไหร่ เพียงพอรึยังสำหรับค่าใช้จ่ายในช่วงเกษียณอายุ และถ้าต้องเก็บจะต้องเก็บให้ได้จำนวนเท่าไรกันแน่
          2.ทำบัญชีรายรับรายจ่าย จากที่ผ่านมาที่เราไม่มีเงินเหลือออม เนื่องจากใช้เงินแบบเดือนชนเดือน การลงรายการใช้จ่ายจะทำให้เราวิเคราะห์ได้ว่า เราใช้จ่ายอะไรเกินฐานะไป มีอะไรที่ไม่ใช้โดยไม่จะเป็นไหม และช่วยให้มีเงินเหลือเก็บไว้สำหรับใช้ยามเกษียณได้
          3.การใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า เป็นธรรมดารายได้ที่ได้มาทุกคนก็อยากใช้เงินเพื่อเป็นรางวัลของชีวิต เพียงแต่สิ่งที่ใช้นั้นก็ต้องตระหนักเสียก่อนว่าเป็นการใช้จ่ายที่จำเป็น การจ่ายเพื่อตอบแทนให้รางวัลกับชีวิต ก็ต้องไม่เกินเลยไปกว่าที่ควร
          4.ทัศนคติในการออมเงิน โดยให้มองการออมเงินเป็นค่าใช้จ่าย จะได้เป็นทางเลือกแรกที่เก็บเงินเพื่อออมเงินไว้ใช้ เพราะคนโดยส่วนใหญ่ก็จะมองว่าการออมต้องเป็นเงินที่เหลือจากการใช้จ่าย ซึ่งสุดท้ายก็จะไม่ค่อยเหลือเก็บสักเท่าไร
          5.การจัดพอร์ตการลงทุน คนแต่ละคนจะมีพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมไม่เหมือนกัน โดยปกติตราสารการลงทุนหลักๆ ก็จะมีอยู่ 2 อย่างคือ  1) กลุ่มตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น  ตราสารหนี้ระยะกลาง ตราสารหนี้ระยะยาว เงินฝาก ถือว่าเป็นตราสารที่มีระดับความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น ผู้ลงทุนมีโอกาสเสียหายจากการลงทุนน้อย แต่ขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนในระดับต่ำด้วยเช่นกัน  2) กลุ่มตราสารทุน ได้แก่หุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ฯ กองทุนหุ้น เป็นตราสารที่มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย โดยปกติพอร์ตการลงทุนเพื่องวางแผนสำหรับวัยเกษียณ จะปรับสัดส่วนการลงทุนตามอายุของผู้ลงทุน ยิ่งอายุมากขึ้นสัดส่วนการลงทุนในหุ้นหรือตราสารที่มีความเสี่ยงก็ควรจะน้อยลง เพื่อเพิ่มความมั่นคงของเงินลงทุน เช่นพอร์ตการลงทุนสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 41-50 ปี ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่อยู่ในวัยทำงาน สร้างครอบครัว มีรายได้เยอะแต่ค่าใข้จ่ายก็เยอะตามไปด้วย สำหรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีอายุในช่วงนี้ก็คือ การลงทุนในตราสารหนี้ระหว่าง 50%-70 % และตราสารทุนระหว่าง 30%- 50% เนื่องจากยังเป็นช่วงอายุที่ยังมีรายได้ประจำจากการทำงานอยู่

          แต่ถ้าเป็นพอร์ตการลงทุนสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไป เป็นช่วงที่ท่านนักลงทุนส่วนใหญ่เกษียณอายุแล้ว ท่านก็จะไม่มีรายได้จากงานประจำ ดังนั้น พอร์ตการลงทุนของท่านจึงควรมีสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในสัดส่วนที่น้อยลง และเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยพอร์ตการลงทุนของคนในวัยนี้ที่เหมาะสมก็คือ ตราสารหนี้ 90% และตราสารทุน 10% 

          เมื่อสามารถวางแผนการเงินและปฏิบัติตามได้ ก็สามารถมีชีวิตที่สบายในยามเกษียณ การเริ่มต้นหรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นย่อมอึดอัดใจอยู่บ้าง ไม่สะดวกสบายเหมือนเดิม แต่เมื่อทำไปสักระยะก็จะเคยชินและในที่สุดความสุขในวัยเกษียณก็จะเกิดขึ้นเนื่องจากได้เห็นเงินออมที่งอกเงยเบ่งบานขึ้นนั่นเอง

                                                                                                           http://money.th.msn.com



03666 โดย ดร.ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ 2013-08-13 21:35:55 v : 6464



ดร.ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ

 

เว็บทางการศึกษา
ตรวจสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต
ข่าว The Nation
ข่าว CNN
ข่าว BangkokPost


มูลนิธิทางไกrลผ่านดาวเทียม
บริการการเรียนการสอนทางไกล ผ่านดาวเทียม จากโรงเรียนไกลกังวล หัวหิน
มหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย
ศูนย์กลางการศึกษาผ่านระบบเครือข่าย ครอบคลุมการศึกษาทุกระบบ
GURU Online
พัฒนาครูไทย มาตรฐานเท่าเทียม เรียนได้ทุกที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ก้าวย่างอย่างเข้าใจ
การจัดกระบวนการเรียนรู้เพศศึกษาให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรสถานศึกษา
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
ส่งเสริมให้ข้าราชการออมเงินไว้เพื่อใช้ในยามเกษียณอาย
KARN.TV
รวมความรู้ แบบฝึกหัด กิจกรรมเพิ่มทักษะ สำหรับอนุบาล - ประถมต้น
ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อบริการประชาชน
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ให้บริการทั้งการสอบถามข้อมูล การรับเรื่องร้องเรียนและการให้บริการในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับภาครัฐ ของทุกกระทรวง ทบวง กรม ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
ห้องสมุด มสธ.
IGCSE ติว IELTS
TOEIC ติว GED
IELTS ติว TOEIC
TDC : Thai Digital Collection
สืบค้นงานวิจัย ฉบับเต็ม



 

เรียนพิเศษโคราช

พัฒนาระบบโดย
ธีรวัฒน์ ภู่เจริญ

จดโดเมน Host ออกแบบเว็บไซต์ Web Design

ครูอินเตอร์.คอม ดร.ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ ภาวะผู้นำ บริหารการศึกษา