อาเซียนเพชรยอดมงกุฎไม่เน้นข้อสอบท่องจำ
วันนี้(27ก.ค.) ที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับมูลนิธิร่มฉัตร และกระทรวงศึกษาธิการ ได้จัดการแข่งขันระดับชาติ “อาเซียนเพชรยอดมงกุฎ: เรียนรู้สู่อาเซียน” โดยมีตัวแทนนักเรียนจาก 816 โรงเรียนทั่้วประเทศกว่า 3,900 คน ร่วมการแข่งขัน แบ่งเป็นระดับประถมศึกษา 322 โรงเรียน และมัธยมศึกษา 494 โรงเรียน โดยในช่วงเช้าจะเป็นการสอบแข่งขันในระดับเจียระไนเพชร และคัดเลือกผู้ได้คะแนนสูงสุด 10 อันดับ เพื่อแข่งขันต่อในระดับเพชรยอดมงกุฎในภาคบ่าย เพื่อค้นหา “เจ้าแห่งอาเซียน” ศ..นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการแข่งขันว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการสอบเกี่ยวกับความรู้เรื่องอาเซียน ซึ่งการเรียนรู้ในปัจจุบันต้องเรียนรู้ทั้งในตำราและนอกตำรา โดยเฉพาะเรื่องของอาเซียนศึกษาต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้เด็กไทยได้เรียนรู้ประเทศเพื่อนบ้าน และทำอย่างไรให้เพื่อนบ้านได้เรียนรู้เราทั้งในมิติทางสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรม ทำอย่างไรให้ทั้งเขาและเรารู้สึกว่า เราเป็นเพื่อนคู่ค้า ไม่ใช่คู่แข่ง ดังนั้นการจัดการแข่งขันอาเซียนเพชรยอดมงกุฎจึงมีความจำเป็น เพราะจะทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประเทศในประชาคมอาเซียน “ บ้านเมืองของเราวันนี้มีทั้งเรื่องที่น่าภูมิใจและน่าอึดอัดใจ แต่สิ่งที่คนไทยต้องมีคือ 1 ภูมิใจที่ได้เป็นคนไทย อย่าไปอายว่าแพ้สิงคโปร์ มาเลเซีย เราต้องภูมิใจตัวเราเองก่อนถึงจะสู้คนอื่นได้ และ 2 ต้องมีน้ำใจต่อกันและกัน เพื่อจะมีพลังในการพัฒนาตัวเอง” องคมนตรี กล่าว นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการสสค.กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่มีการจัดทำข้อสอบเกี่ยวกับ “อาเซียนศึกษา” ที่ลึกซึ้งมากกว่าการรู้เพียงว่าอาเซียนมีกี่ประเทศ ผู้นำคือใคร ใช้ภาษาอะไร แต่จะพยายามให้เด็ก “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เกี่ยวกับอาเซียนทั้งในมิติอดีต ปัจจุบันและอนาคต และสิ่งสำคัญในการเรียนรู้ในการโกอาเซียนคือ ต้องชวนให้เด็กคิดวิเคราะห์ให้มากขึ้น เพราะการท่องจำอย่างเดียวไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้แล้วในปัจจุบัน “ สิ่งสำคัญ 2 ข้อคือ 1.เราต้องเข้าใจเพื่อนบ้านให้มากที่สุด และ 2.เราต้องเชื่อมโยงอาเซียนกับชีวิตจริงที่เกิดขึ้นในชุมชนท้องถิ่น ให้เห็นว่าเกิดอาเซียนแล้วจะกระทบเราอย่างไรบ้าง ซึ่งแต่ละจังหวัดย่อมได้รับผลกระทบไม่เท่ากัน เช่น เด็กสงขลาน่าจะตื่นตัวเรื่องภาษามลายู ขณะที่อุบลราชธานีคงตื่นตัวเรื่องภาษาเวียดนาม ดังนั้นการเรียนการสอนจึงไม่ใช่เน้นเฉพาะเนื้อหาในตำรา แต่ต้องกระตุ้นให้เห็นว่าจะมีผลกระทบอย่างไรที่จะเกิดขึ้นกับจังหวัด และคนของเรา ซึ่งผมเชื่อว่า เด็กยังมีเวลาเรียนรู้อาเซียนอยู่มาก แต่ต้องตีโจทย์ให้ชัดเรื่องการเรียนการสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์ ข้อสอบครั้งนี้จึงมีความพยายามที่จะให้เด็กฝึกคิดทำโจทย์ที่ไม่ได้เน้นการท่องจำ จึงจัดว่าเป็นข้อสอบที่ยาก”นพ.สุภกร กล่าว ด.ช.วราศัย ปัทริยะ นักเรียนป.6 รร.มหาวีรานุวัตร เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ กล่าวว่า ข้อสอบยากมาก โดยเฉพาะวิชาประวัติศาสตร์ถึงทั้งอดีตและปัจจุบัน ทำให้ต้องประมวลข้อมูลจากหลายส่วน ใช้ทั้งความคิดวิเคราะห์และความจำประกอบจึงจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน ทั้งนี้การแข่งขันอาเซียนเพชรยอดมงกุฎเป็นส่วนหนึ่งของโครงการการขยายผลชุมชนต้นแบบและการสื่อสารเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน 4 ภูมิภาค โดยนำแนวคิด “บ-ว-ร” อันได้แก่การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนทั้ง “บ้าน วัด และโรงเรียน” มาประยุกต์ใช้ และขยายผล 4 จังหวัด 4 ภูมิภาค ได้แก่ สงขลา เชียงราย สมุทรสาคร และอุบลราชธานี โดยจัดสอบแข่งขันระดับประถมศึกษา วันที่ 27 ก.ค. และระดับมัธยมศึกษา วันที่ 28 ก.ค. ณ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย
ที่มา http://www.dailynews.co.th/education/221999
03630 โดย น.ส.วลัยลักษณ์ ภู่เจริญ 2013-07-27 19:16:00 v : 1474
|