ในสมัยกรุงศรีอยุธยา อำเภอวิเศษชัยชาญเป็นที่ตั้งของแขวงเมืองวิเศษไชยชาญซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านที่อุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำไหลผ่านและมีความสำคัญมากในขณะนั้น และจากพระราชนิพนธ์เรื่อง “ไทยรบพม่า” ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพตอนหนึ่ง ได้กล่าวดังนี้ เมื่อเดือน ๓ ปีระกา พุทธศักราช ๒๓๐๘ พม่ายกกองทัพมาประชิดกรุงศรีอยุธยาทั้งสองด้าน โดยแม่ทัพชื่อมหานรธาและ เนเมียวสีหบดี ได้สั่งให้พวกพม่ากองหนึ่งไปเที่ยวค้นทรัพย์จับผู้คนทางเมืองวิเศษไชยชาญและลูกสาวชาวบ้านไปเป็นเชลย พวกชาวบ้านต่างโกธรทหารพม่าจึงนัดกันลวงพม่าให้ไปค้นหาลูกสาวชาวบ้านที่ชายป่าแห่งหนึ่งแล้วช่วยกันรุมทหารพม่าที่ไปตายทั้งหมด ๒๐ คน แล้วชาวบ้านต่างก็พาหนีไปยังบ้านบางระจัน ฝ่ายพม่าที่เมืองวิเศษไชยชาญรู้ว่าพวกไทยหนีไปอยู่ที่บ้านบางระจันก็ยกพลไปตีค่ายบางระจัน เหตุการณ์สู้รบที่ค่ายบางระจันไดเริ่มตั้งแต่เดือน ๔ ปลายปีระกา พ.ศ. ๒๓๐๘ ถึงวันจันทร์แรม ๒ ค่ำ เดือน ๘ ปีจอ พ.ศ. ๑๒๐๙ รวมทั้งสิ้น ๕ เดือน มีการสู้รบรวม ๘ ครั้ง ค่ายบางระจันจึงแตก ในเหตุการณ์สู้รบคราวนั้นชาวบ้านที่เป็นบุคคลชั้นหัวหน้าของแขวงเมืองวิเศษไชยชาญ ๒ คน ที่ร่วมรบจนตัวตาย คือ นายดอก ชาวบ้านกลับ และนายทองแก้ว ชาวบ้านโพธิ์ทะเล(ปัจจุบันหมู่บ้านทั้งสองอยู่ในอำเภอแสวงหา) จากวีรกรรมที่กล้าหาญของนายดอก นายทองแก้ว ทำให้อนุชนรุ่นหลังมีความเลื่อมใสศรัทธาโดยเฉพาะประชาชนชาววิเศษชัยชาญได้จัดสร้างหล่อรูปนายดอก นายทองแก้ว ด้วยทองเหลืองยืนบนแท่นตั้งไว้ ณ ที่ตั้งปัจจุบันบริเวณวัดวิเศษชัยชาญ หมู่ที่ ๒ ตำบลไผ่จำศิล อำเภอวิเศษชัยชาญ โดยเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จแทนพระองค์มากระทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ ฉะนั้น ทุกวันที่ ๒๕ มีนาคมของทุกปี ทางราชการ ประชาชน จึงจัดให้มีพิธีสดุดีรำลึกถึงความกล้าหาญและความเสียสละโดยจัดทำพิธีวางพวงมาลาและจัดงานสืบเนื่องเป็นประจำทุกปี
ที่มา : http://www.sanjaorongthong.go.th
|