|
ช่วยด้วย! เด็กหนีเรียน
เด็กหนีโรงเรียนช่วยอย่างไร?? |
เด็กหรือลูกหนีโรงเรียนคำนี้เป็นคำที่ทั้งพ่อแม่และครูไม่ปรารถนาจะได้พบ
เพราะวัยของเด็กเป็นวัยที่ต้องศึกษาหาความรู้ แต่เขากลับไม่ไปโรงเรียน การไม่ไปโรงเรียนในที่นี้ หมายถึง เด็กที่แต่งตัวออกจากบ้านแล้วแต่ไปไม่ถึงโรงเรียน แวะตามสถานที่ต่างๆ เช่น บ้านเพื่อน ร้านวีดิโอเกม ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนต์ ลานสเก็ต ตอนเย็นจะกลับมาถึงบ้านตามเวลาปกติ เด็กบางคนพ่อแม่ไปรับ – ส่งที่โรงเรียนทุกวัน แต่ช่วงระหว่างวันเด็กหนีออกจากโรงเรียนไปแล้ว
หรือบางคนไปโรงเรียนตอนเช้า ตอนบ่ายหนีออกจากโรงเรียนไปเที่ยวเตร่ กลับบ้านไม่ตรงเวลา เด็กหนีโรงเรียนมักพบกับเด็กเริ่มโตระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป โดยครูเป็นผู้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ พ่อแม่ส่วนใหญ่จะปฏิเสธไม่เชื่อว่าเด็กจะหนีโรงเรียน เด็กไปโรงเรียนตามปกติทุกวัน เป็นคนเรียบร้อย ผลการเรียนค่อนข้างดีหรือใช้ได้ แล้วจะเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร นอกจากเด็กบางคนที่มีนิสัยไม่รักเรียน หรือมีปัญหาการเรียนมานานแล้ว พ่อแม่จึงจะทำใจได้บ้าง พ่อแม่อาจจะรู้สึกผิดหวัง เสียใจ ร้องไห้ โกรธลูก โกรธตนเอง อยากจะลงโทษลูกด้วยการดุว่า ตี เป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านจะ รู้สึกเช่นนั้นได้ แต่หลังจากนั้นขอให้ท่านตั้งสติให้มั่น ใช้ความสงบสยบความโกรธ หันกลับมาคิดไตร่ตรองดูว่าเด็กทำเช่นนี้บอกอะไรเราได้บ้าง เกิดอะไรขึ้นกับเด็ก เขาไม่มีความสุขใช่ไหม เขากำลังแสวงหาอะไร หรือกำลังหาวิธีการแก้ปัญหาด้วยตนเองด้วยการออกไปอยู่ในที่ๆเขาคิดว่าจะพบความสุขมากกว่า โดยไม่รู้หรือไม่กล้าร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ ถึงตอนนี้พ่อแม่จะต้องหันหน้าปรึกษากันและร่วมมือประสานกับโรงเรียน เพื่อช่วยกันหาสาเหตุ และแนวทางแก้ไข สาเหตุที่มักพบสรุปได้ดังนี้
สาเหตุ
- ทางร่างกาย
- ทางครอบครัว
- ทางโรงเรียน ได้แก่ บทเรียน ครู เพื่อน
สาเหตุทางร่างกาย เด็กอาจจะมีโรคประจำตัวหรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ทำให้ขาดเรียนบ่อยๆ ตามบทเรียนไม่ทัน เด็กบางคนอาจมีปัญหาสายตา ปัญหาการได้ยิน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเรียนที่สามารถแก้ไขได้ การแก้ไข พาเด็กไปพบผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค ตรวจร่างกายรักษาอย่างจริงจัง บางครั้งอาจจะต้องหยุดพักการเรียนชั่วคราวเป็นระยะเวลานานก็ต้องทำ เพื่อให้เด็กมีความพร้อมทางร่างกายสุขภาพพลานามัยแข็งแรงพร้อมที่จะเรียน ส่วนปัญหาสายตา ปัญหาการได้ยินแก้ไขได้โดยการใส่แว่นสายตา ใส่เครื่องช่วยฟัง ในห้องเรียนอาจจะนั่งใกล้ๆครู หรือนั่งใกล้เพื่อนที่พอจะช่วยเหลือได้
สาเหตุทางครอบครัว
- มีความขัดแย้งภายในครอบครัว พ่อแม่ทะเลาะกัน ทำให้เด็กมีอารมณ์หวั่นไหว ไม่มั่นคง ไม่สบายใจเครียด เหม่อลอย เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ไม่มีสมาธิ
- เด็กขาดความอบอุ่น พ่อแม่มุ่งแต่ทำงานหาเงินไม่มีเวลาพบหน้าพูดคุยปรึกษากัน
- เด็กถูกนำไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ถูกตำหนิซ้ำเติมตลอดเวลา
- พ่อแม่คาดหวังผลการเรียนมากกว่าคำนึงถึงความรู้สึกของเด็ก เช่นเด็กปวดศรีษะ ก็ให้รีบอาบน้ำ ทำการบ้านจะได้มีเวลาอ่านหนังสือ ทั้งๆที่ทราบแล้วว่าเด็กไม่ค่อยสบายแทนที่จะได้พักผ่อนก่อน
- มนุษย์สัมพันธ์ระหว่างบุคคลในครอบครัวไม่ดี ต่างคนต่างอยู่ ไม่กล้าพูดคุยปรึกษาปัญหา
- รักและตามใจเด็กอย่างไร้ขอบเขตโดยไม่ตั้งใจ เด็กจึงชอบความสบาย เอาแต่รักสนุก ขาดวินัยในตนเอง ทำให้เด็กปรับตัวได้ยากเมื่อต้องเผชิญสถานการณ์ใหม่ๆ
สาเหตุทางโรงเรียน การเรียน
- บทเรียนยากขึ้น ระดับความสามารถต่ำ สติปัญญาไม่ค่อยดีค่อนข้างทึบ เรียนชั้นสูงขึ้นวิธีการเรียนเปลี่ยนไป มีวิชาการมากขึ้น การบ้านมากและยาก บางครั้งการสอนของครูไม่น่าสนใจ ทำให้เด็กรู้สึกว่าเรียนยาก เด็กที่ทำงานช้าเข้าใจอะไรช้ากว่าเด็กอื่นจะเบื่อเรียน ไม่สนใจที่ครูสอน หลับบ้าง เล่นบ้าง ไม่ส่งการบ้าน ทำงานไม่เสร็จ ถูกดุตลอดเวลา
- ระบบการเรียนการสอนเน้นผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมากกว่าความแตกต่างระหว่างบุคคล ทำให้เด็กรู้สึกล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จในการเรียน
สาเหตุจากครู
- ครูคาดหวังว่าสอนแล้วเด็กทุกคนจะเข้าใจ และปฏิบัติได้เหมือนๆกัน เด็กบางคนที่เรียนตามไม่ทันและกลัวครูจะไม่กล้าถาม ถ้าครูไม่ช่วยติดตาม ไม่ช่วยสอนเสริม เด็กจะสะสมความไม่เข้าใจพอกพูนมากขึ้น จนคุกคามการเรียนรู้ใหม่ ในที่สุดเด็กก็เบื่อเรียน
- เด็กที่ขาดความมั่นใจในตนเองจะรู้สึกว่าตนเองไม่มีความหมาย ครูรักและสนใจเพื่อนที่เรียนเก่ง ประพฤติดี และคอยจับผิดตำหนิว่ากล่าว ประนามหยามเหยียด ลงโทษรุนแรงแก่เด็กที่เรียนไม่ดี มีปัญหาและด้อยความสามารถ ทำให้เด็กได้รับความอับ อาย ไม่กล้าสู้หน้า ต้องหลบไปหาความสุขข้างนอก
- ถูกคาดโทษจากการทำงานไม่ทัน ไม่ส่งการบ้าน ไม่ทำตามกฎระเบียบของโรงเรียนเช่น ผมยาว แต่งตัวไม่ถูกต้อง เพื่อน เด็กขัดแย้งกับเพื่อน ถูกเพื่อนแกล้ง เข้ากับเพื่อนไม่ได้ เป็นต้น
การแก้ไขและช่วยเหลือเด็กหนีโรงเรียน การแก้ไขให้ความช่วยเหลือเด็กที่หนีโรงเรียน ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างครอบครัว กับโรงเรียน เพื่อช่วยกันหาสาเหตุและวางแผนการแก้ไข บางครั้งอาจต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญด้าน สุขภาพจิตด้วย
การแก้ไขช่วยเหลือด้านครอบครัว
- พ่อแม่ต้องมีใจเต็มร้อยที่จะช่วยเหลือ ยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น พูดคุย สอบถามเด็กเพื่อหาสาเหตุ และแสดงการรับรู้ความรู้สึกถึงความทุกข์ ความไม่สบายใจที่เขากำลังประสบปัญหาอยู่ พร้อมที่จะช่วยเหลือเขา ไม่ประนาม ไม่ทับถมเรื่องปัญหาการเรียน การขาดเรียน และผลการเรียน
- บอกให้เด็กรับรู้ว่า พ่อแม่รักเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร จะดื้อจะเรียนไม่ดี จะไม่อยากเรียน พ่อแม่ก็ยังคงยินดีที่จะช่วยเหลือร่วมคิดกับเขาเพื่อหาทางออกที่เหมาะสม
- สนับสนุนให้ความช่วยเหลือจัดสอนซ่อมเสริม (โดยพ่อแม่หรือครูพิเศษ) ในสิ่งที่เด็กตามไม่ทัน หรือมีความต้องการช่วยเหลือเป็นพิเศษ
- ปรับเปลี่ยนท่าทีการเลี้ยงดูไม่เข้มงวดและตามใจจนเกินไป ให้อยู่ในระดับกลางๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป และหาโอกาสพูดคุยกับครอบครัวอื่นบ้าง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์หรือปรึกษา จิตแพทย์ นักจิตวิทยาบ้าง อาจช่วยให้ปรับตัวอยู่ในสายกลางได้
- วางแผนร่วมกับเด็ก ในกรณีเด็กหนีเรียนมานานแล้ว จนไม่อยากเรียนชอบชีวิตอิสระเที่ยวสนุกไปวันๆ พ่อแม่อาจพูดคุยถึงเป้าหมายในชีวิตต่อรอง ยืดหยุ่นกับเด็กและโรงเรียนพบกันคนละครึ่งทาง เลือกเรียนด้วย และยังสนุกได้ด้วยในวันหยุดหรือตอนเย็นหลังเลิกเรียน หรือถ้าไม่สามารถเรียนในระบบโรงเรียนได้ การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตยังมีทางเลือกอื่นอีก เช่น การศึกษานอกโรงเรียน การเรียนวิชาชีพต่างๆตามที่เด็กถนัด
- หาเรื่องชมเชย มองหาความดีชมให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตนเองที่เขาสามารถทำอะไรที่ดีๆได้ ถ้าหาไม่พบสร้างสถานการณ์ขึ้นมาได้เลย เช่น หยิบน้ำให้คุณยาย รดน้ำต้นไม้
- แก้ไขความขัดแย้งในครอบครัว และบอกให้เด็กเข้าใจ
การแก้ไขช่วยเหลือด้านโรงเรียน
- ทำโรงเรียนให้มีความสุข ยอมรับเด็กกลับสู่โรงเรียนอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมา ต้อนรับเด็ก สนใจเด็ก ในกรอบกฎเกณฑ์ของโรงเรียน
- เด็กทุกคนอยากเป็นคนดี ดึงศักยภาพที่เด็กมีอยู่ออกมาใช้ เช่น เด็กชอบพูดชอบแสดงออก ให้เป็นคนนำเสนอผลงานของกลุ่มเขาจะภูมิใจที่ตนเองมีส่วนทำให้กลุ่มประสบความสำเร็จ
- ปรับการเรียนการสอนให้ยืดหยุ่นเหมาะสมกับความสามารถของเด็ก เช่น เด็กสมาธิสั้น ให้ทำงานทีละน้อย ครูเรียกดูบ่อยๆ เด็กเรียนช้าจัดสอนเสริม ในสิ่งที่เด็กบกพร่องด้วยวิธีการพิเศษที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน
- เพื่อนช่วยเพื่อน ครูเตรียมเพื่อนที่มีความสามารถและมนุษย์สัมพันธ์ดี ยินดีอาสาช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้เพื่อน
- หาแหล่งหรือบุคลากรที่เด็กไว้วางใจ ให้ความช่วยเหลือเมื่อเด็กมีความไม่สบายใจสามารถพูดคุยปรึกษาได้ทุกเรื่องและปิดเป็นความลับ เช่นครูแนะแนว ครูประจำชั้น ครูประจำวิชา หรือหน่วยบริการสุขภาพจิตเด็ก
- ชมในสิ่งที่เด็กทำดีทุกเรื่อง ไม่เฉพาะเรื่องเรียน การที่เด็กหนีโรงเรียน เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ ค้นหาสาเหตุและแก้ไขร่วมมือกันระหว่างครอบครัวกับโรงเรียน การให้คนรัก ความเข้าใจ อย่างไม่มีเงื่อนไข ให้เวลาอย่างคุ้มค่า วาจาสร้างสรรค์ สัมผัสอบอุ่น จะช่วยให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุขทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน
* นักวิชาการศึกษาพิเศษ ศูนย์สุขวิทยาจิต กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
ที่มา : http://icamtalk.com
00209 โดย ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ 2009-06-15 22:50:15 v : 3164
|
|
|
|
|
ดร.ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ
|
|
|
เว็บทางการศึกษา |
|
ตรวจสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต
ข่าว The Nation
ข่าว CNN
ข่าว BangkokPost
|
|
|
|
|
เรียนพิเศษโคราช
พัฒนาระบบโดย
ธีรวัฒน์ ภู่เจริญ
|
|
|