|
การรักษาโรคสมาธิสั้น
การรักษาที่ได้ผลดีต้องอาศัยวิธีการรักษาหลายรูปแบบร่วมกันทั้งการใช้ยา พฤติกรรมบำบัด จิตบำบัดและต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งเด็กเอง ครอบครัว บุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโรงเรียน
การให้คำแนะนำสำหรับพ่อแม่ หาสถานที่ให้เด็กทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสงบ ไม่มีสิ่งเร้ามา รบกวนสมาธิมาก คอยอยู่ใกล้ชิดตัวต่อตัวเพื่อช่วยกระตุ้นให้ทำกิจกรรมที่สำคัญได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยวางแผนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นระบบตามขั้นตอน สำหรับกิจกรรมที่ต้องใช้เวลานานพ่อแม่อาจช่วยแบ่งกิจกรรมนั้นให้เป็นขั้นตอนย่อย ๆ เพื่อให้สามารถทำสำเร็จได้ในเวลาสั้นลง สนับสนุนให้เด็กได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ประจำวันอย่างสม่ำเสมอเป็นกิจวัตร มีเวลาให้เด็กออกกำลังกายและอยู่ในบรรยากาศที่สงบ ฝึกให้เด็กทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งทีละอย่าง การออกคำสั่งให้เด็กทำกิจกรรมสั้น เข้าใจง่าย มีความชัดเจน โดยใช้น้ำเสียงและท่าทีที่นุ่มนวล แต่ต้องมีความหนักแน่นจริงจัง คำสั่งควรมีลักษณะจูงใจมากกว่าคำสั่งในลักษณะใช้อารมณ์พูดบ่นจู้จี้หลายเรื่องปนกัน
พ่อแม่สามารถปรับพฤติกรรมด้วยการให้ความสนใจและตอบสนอง ในทางบวกทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมที่เหมาะสม และกระตุ้นให้พฤติกรรมนั้นคงอยู่ด้วยการให้รางวัล เช่น คำชมเชย สิ่งของสิทธิพิเศษบางอย่าง หรือการใช้ star chart ต้องมีวิธีตักเตือนและการลงโทษถ้าเด็กยังมีพฤติกรรมที่ไม่ต้องการอยู่ โดยวิธีที่ไม่ใช้ความรุนแรงเช่น time-out การตัดสิทธิพิเศษ หรือหักคะแนนพฤติกรรมสะสม พ่อแม่อาจใช้วิธีเพิกเฉยไม่ตอบสนองต่อพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ หากพฤติกรรมนั้นไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อตนเองหรือผู้อื่นมากนัก
พ่อแม่ควรจะต้องตกลงกับเด็กก่อนว่าต้องการปรับพฤติกรรมอะไร มีกฏเกณฑ์อะไร ควรเลือกปรับพฤติกรรมเพียงบางอย่างที่สำคัญและมีโอกาสปรับได้สำเร็จก่อน ทั้งนี้การปรับพฤติกรรมจะสำเร็จได้ต้องอาศัย พื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มีข้อตกลงที่แน่นอนและปฏิบัติตามสม่ำเสมอ พ่อแม่ต้องอดทนและเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย
การให้คำแนะนำสำหรับครู ครูสามารถใช้วิธีการเดียวกับพ่อแม่ในการช่วยเหลือและปรับพฤติกรรมของเด็ก ควรจัดให้เด็กนั่งเรียนในตำแหน่งที่มีสิ่งเร้าน้อย เช่น นั่งแถวหน้า ห่างหน้าต่างใกล้ ๆ กับที่ครูยืนสอน และให้เด็กได้ช่วยครูทำงานบางอย่าง เช่น แจกสมุดการบ้าน ลบกระดาน ควรมอบหมายงานทีละน้อย ๆให้เด็กทำได้สำเร็จเสียก่อนจึงค่อยให้งานเพิ่มครูต้องตั้งกฏระเบียบในห้องที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอ
ครูที่ให้ความรัก ความสนใจ และตั้งใจช่วยเหลือคอยให้กำลังใจไม่ทำโทษด้วยวิธีการ รุนแรงหรือทำให้ขายหน้า มักสามารถช่วยให้เด็กมีความตั้งใจในการควบคุมพฤติกรรมตัวเอง ได้ดีขึ้น
การใช้ยา การใช้ยาสามารถช่วยให้พฤติกรรมดีขึ้นในทุกด้าน รวมถึงผลการเรียน และทักษะทางสังคม ยาที่ใช้บ่อย และได้ผลดี ได้แก่ Methylphenidate เริ่มให้ในขนาด 5 มก. หลังอาหารเช้า และเพิ่มครั้งละ 5 มก. ได้ทุก 1 สัปดาห์ หลังการประเมินผลการรักษา ขนาดที่ใช้ในการรักษาทั่วไปคือ 0.3-0.6 มก./กก./ครั้ง วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้าและเที่ยง ขนาดสูงสุดไม่เกิน 40 มก./วัน ยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 30 นาที และออกฤทธิ์อยู่นาน 3-5 ชั่วโมง ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ เบื่ออาหาร นอนหลับยาก หงุดหงิด ปวดศีรษะ ปวดท้อง ซึ่งสามารถหายไปได้เองหรือปรับขนาดยาลง ยาไม่มีผลต่อความสูงของเด็ก ควรใช้ด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่เป็น tic disorder ร่วมด้วย หากทำให้อาการ tic disorder แย่ลง ควรเปลี่ยนไปใช้ยาอื่น
ยาแก้ซึมเศร้ากลุ่ม tricyclic ได้แก่ imipramine และ nortriptyline เริ่มให้ในขนาด 1 มก./กก./วัน และ 0.5 มก./กก./วัน ตามลำดับประเมินผลการรักษา ผลข้างเคียง และปรับขนาดยาเพิ่มครั้งละ 1 มก./กก./วัน และ 0.5 มก./กก./วัน ตามลำดับได้ทุก 1 สัปดาห์ ขนาดสูงสุดไม่เกิน 3-4 และ 2 มก./กก./วัน ตามลำดับ ควรทำ ECG ก่อนให้ยาและเมื่อปรับยาถึงระดับคงที่ ถ้าพบความผิดปกติ ควรเปลี่ยนใช้ยาอื่น โรคสมาธิสั้นเป็นโรคเรื้อรังจึงจำเป็นต้องใช้ยาต่อเนื่องนานเป็นปี ๆ โดยทั่วไปสามรถทดลองลดหรือหยุดยาในช่วงปิดเทอม เพื่อทดสอบดูว่าเด็กยังจำเป็นต้องใช้ยาหรือไม่ พบประมาณร้อยละ 70 ที่อาการจะดีขึ้นหรือหายไปได้เองเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นหรือผู้ใหญ่
ที่มา : http://icamtalk.com
00208 โดย ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ 2009-06-15 22:46:52 v : 1941
|
|
|
|
|
ดร.ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ
|
|
|
เว็บทางการศึกษา |
|
ตรวจสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต
ข่าว The Nation
ข่าว CNN
ข่าว BangkokPost
|
|
|
|
|
เรียนพิเศษโคราช
พัฒนาระบบโดย
ธีรวัฒน์ ภู่เจริญ
|
|
|