การประเมินความจำเป็นในการกำหนดวัตถุประสงค์
การประเมินความจำเป็นในการกำหนดวัตถุประสงค์ (Assessing Needs to Identify Instructional Goal (s)
โดย....สุวิทย์ บึงบัว นิสิตปริญญาเอก เทคโนโลยีการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ในกระบวนการเรียนการสอนนั้นจุดสำคัญที่จะบ่งชี้ความสำเร็จจากการเรียนการสอน คือ การกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ซึ่งจะป็นทิศทางในการกำหนดยุทธศาสตร์ วิธีการสอน รวมไปถึงการวัดผล ประเมินผล อันเป็นตัวบอกถึงประสิทธิภาพของการเรียนการสอน การกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้สามารถกำหนดได้ 2 วิธี คือ
1. การกำหนดวัตถุประสงค์ที่มุ่งเน้นไปที่ตัวเนื้อหา โดยให้ผู้เรียนได้รับรู้ เข้าใจเนื้อหา เน้นการสื่อสารระหว่างผู้เรียนและผู้สอนให้เข้าใจตรงกัน การกำหนดวัตถุประสงค์แบบนี้ได้รับความนิยมมายาวนานตั้งแต่อดีต และในปัจจุบันก็ยังได้รับความนิยมอยู่เสมอ 2. การกำหนดวัตถุประสงค์ที่มุ่งเน้นไปที่ด้านเทคโนโลยี โดยให้ผู้เรียนได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้ ซึ่งนักออกแบบการเรียนการสอนสมัยใหม่มักจะใช้วิธีการกำหนดวัตถุประสงค์แบบนี้มากกว่าแบบแรก เพราะวิธีการนี้เป็นการค้นหาปัญหา และหาวิธีการแก้ปัญหา เพื่อตอบสนองความต้องการของผลลัพธ์และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อผู้เรียน หรือกระบวนการเรียนการสอน นักออกแบบการเรียนการสอนจะต้องมีส่วนร่วมในการประเมินและวิเคราะห์ถึงปัญหาในกระบวนการของระบบ การค้นหาสาเหตุของปัญหารวมไปถึงการหาทางออกในปัญหาที่ค้นพบ ซึ่งจะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน และส่งผลให้ผู้เรียนเกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากการเรียนรู้ด้วย
สิ่งที่เป็นปัญหาในกระบวนการเรียนการสอน คือ การจัดการความรู้ การปรับเปลี่ยนทัศนคติ การแก้ไขปรับปรุงจะเกิดขึ้นในขั้นตอนการประเมินผล ดังนั้นการกำหนดจุดมุ่งหมายจึงต้องมุ่งเน้นไปที่ผู้เรียนให้สามารถทำตามที่ออกแบบได้ ระบบการเรียนการสอนต้องออกแบบให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ พัฒนาทักษะได้ และเป็นพื้นฐานในการเรียนระดับสูงได้ต่อไป ตัวอย่าง 1 บริษัทแห่งหนึ่งต้องการเปลี่ยนระบบการทำงานจากแบบนั่งโต๊ะทำงานในสำนักงานทั่วๆ ไป มาใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด จึงวางแผนวิธีการทำงานดังนี้
1. การหาช่างเทคนิคเข้ามาทำงานในบริษัท ซึ่งเป็นการเพิ่มจำนวนพนักงานมากขึ้น 2. การคัดเลือกบุคลากรที่มีอยู่ในสำนักงานอยู่แล้ว เข้ารับการฝึกฝน อบรม
จากวิธีการทำงานทั้ง 2 วิธีดังกล่าว วิธีที่ 2 ประสบผลสำเร็จในการทำงานมากกว่าวิธีแรก เพราะวิธีที่ 1 นั้นเป็นการแก้ปัญหาภายนอก มิใช่ปัญหาที่เกิดจากองค์กร บุคลากรที่มีอยู่ไม่ได้รับการพัฒนาความรู้ใหม่ แต่มีช่างเทคนิคคอยช่วยเหลือตลอดเวลา เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณและบุคลากร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดปัญหาระหว่างบุคคลได้อีกด้วย ส่วนวิธีที่ 2 นั้นเป็นการแก้ปัญหาภายในองค์กร การพัฒนาบุคลากรเป็นการสร้างคุณค่าให้กับพนักงาน ทำให้เกิดการเรียนรู้และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานที่มีความสุข ความขัดแย้งระหว่างบุคคลจึงลดน้อยลง ดังนั้นในกระบวนการเรียนการสอนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในกระกวนการจริงจึงเป็นการแก้ปัญหาที่มีคุณค่ามากหว่าการนำปัจจัยภายนอกเข้าช่วยในการแก้ปัญหา ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้ ตัวอย่าง 2 โรงเรียนแห่งหนึ่งต้องการให้นักเรียนสอบผ่านเกณฑ์ให้ได้ 95% ซึ่งเกณฑ์เดิมที่มีอยู่คือ 85% จึงคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาดังนี้
1. ผู้บริหารให้ครูไปเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาศักยภาพครู 2. จ้างครูเก่งๆ จากที่อื่นมาสอนนักเรียนเพิ่มเติม 3. เปลี่ยนรูปแบบการสอบ โดยให้นักเรียนทุกคนได้ใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอน
จากวิธีการทั้ง 3 แบบ ปรากฏว่าไม่มีวิธีใดจะช่วยให้สัมฤทธิ์ผลตามเกณฑ์ที่ต้องการ จึงจำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบการเรียนการสอน เมื่อนักออกแบบการเรียนการสอนเข้ามาวิเคราะห์ปัญหา จึงทำให้ทราบว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวไม่สัมฤทธิ์ผลเพราะไม่ได้หาสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง คำแนะนำที่ทางโรงเรียนได้รับคือ สิ่งที่โรงเรียนต้องการให้นักเรียนเป็นจริงๆ คืออะไร ทักษะอะไรบ้างที่นักเรียนสอบตก ให้โรงเรียนค้นหาสาเหตุให้พบ การจ้างครูพิเศษมาสอนไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาดังกล่าวได้ การแก้ปัญหาต้องแก้ไปที่จุดๆ นั้นประสบปัญหาจริงๆ
Concept การออกแบบการเรียนการสอนจำเป็นต้องมีการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์และใช้เป็นแนวทางในการหาวิธีการในการปรับปรุงพัฒนา เช่น การทำงานในองค์กรจำเป็นที่จะต้องมีหัวหน้าแผนกเพราะวิเคราะห์ถึงปัญหาที่จะสะท้อนออกมาจากการทำงานของพนักงานแผนกต่างๆ ปัญหาบางอย่างสามารถแก้ไขได้โดยความช่วยเหลือจากฝ่ายฝึกอบรมซึ่งมีหน้าที่ในการวิเคราะห์ปัญหา และหาแนวทางแก้ปัญหา ตัวอย่างการวิเคราะห์เช่น
Should ---------- สิ่งที่ควรจะทำ Is ---------------- สิ่งที่เป็นอยู่
การจะมองเห็นปัญหาต้องมีการวิเคราะห์ตนเองก่อน ซึ่ง Should และ Is นั้นมีความหมายต่างกันและมุมองต่างกันหากวิเคราะห์ให้ดีก็จะพบช่องว่างเกิดขึ้นระหว่าง 2 คำนี้ นั่นคือ “ความต้องการ” ผลจากการวิเคราะห์พฤติกรรม ถ้าศึกษาแล้วจะอธิบายถึงปัญหาและความล้มเหลวที่เกิดขึ้นซึ่งจะบ่งบอกถึงพฤติกรรมของคน หลักฐาน สาเหตุ และอาจจะพบวิธีการแก้ปัญหาได้ในตัวเอง Robinson Model ได้อธิบายการวิเคราะห์การพฤติกรรมเพิ่มเติม คือ
รวบรวมข้อมูล ------------> หาความจำเป็น ------------------> วิธีการ
จาก Model ดังกล่าวจะเห็นว่าการรวบรวมข้อมูลเป็นขั้นตอนแรกที่ต้องกระทำ เพราะจะแสดงให้เห็นถึงสภาพการณ์ เมื่อนำมาวิเคราะห์จะค้นพบปัญหาเบื้องต้น เมื่อหาความจำเป็นออกมาได้ก็จะพบความต้องการที่แท้จริงในระบบ จากนั้นจึงจะสามารถกำหนดวิธีการอันจะนำไปสู่การแก้ปัญหาต่างๆ ที่วิเคราะห์ออกมาจากเบื้องต้น ดังนั้นการหาความจำเป็น เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการออกแบบการเรียนการสอน ในอดีตนั้นใช้วิธีการสำรวจแล้วกำหนดวิธีการต่างๆ ขึ้นมา ปัจจุบันใช้วิธีการหาความจำเป็นหลายวิธี บางครั้งต้องอาศัยการวิจัยจึงจะค้นพบความจำเป็นที่แท้จริง “การหาความจำเป็น” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการการออกแบบการเรียนการสอน
การกำหนดเป้าหมายบทเรียนให้ชัดเจน Mager ได้กล่าวว่าเป้าหมายในการออกแบบการเรียนการสอนส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นนามธรรม ดังนั้นนักออกแบบการเรียนการสอนไม่สามารถหาวิธีการวัดผลได้ชัดเจน ส่วนมากแล้วจะวัดผลการเรียนโดยนำความสำเร็จในการเรียนเป็นเกณฑ์ในการวัดผล วิ๊การกำหนดเป้าหมายของการเรียนการสอนจึงมีข้อที่ต้องพิจารณาถึง ดังนี้ 1. เป็นสิ่งต่างๆ ที่บุคลากรในหน่วยงานต้องสามารถทำได้ 2. การเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไมต้องทำหรือต้องมี 3. ตรวจสอบเป้าหมายแต่ละข้อที่กำหนดขึ้น ว่าจำเป็นหรือไม่ หรืออาจจะไม่จำเป็นต้องทำเลย ซึ่งเป็นข้อพึงระวังที่นักออกแบบการเรียนการสอนต้องพิจารณาให้ครอบคลุม
ผู้เรียน, เนื้อหา, เครื่องมือ ในกระบวนการเรียนการสอนมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการซึ่งไม่อาจขาดอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ดังนี้ 1. ผู้เรียนคือใคร ---------------------- ต้องการเรียนอะไร 2. เนื้อหาเป็นอย่างไร ---------------- มีประโยชน์ต่อผู้เรียนอย่างไร 3. เครื่องมือที่ใช้มีอะไรบ้าง -------- ตอบสนองต่อผู้เรียนมากน้อยเพียงใด
วัตถุประสงค์ที่ดีต้องสามารถตอบสนอง ดังนี้ 1. ผู้เรียนจะได้รับความรู้อะไรบ้าง 2. ความรู้ที่ได้รับจากเนื้อหามีอะไรบ้าง 3. การนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ได้อย่างไรบ้าง 4. เครื่องมือตอบสนองต่อผู้เรียนอย่างไรบ้าง
เกณฑ์ในการตั้งวัตถุประสงค์การเรียนการสอน 1. สามารถแก้ปัญหาและตอบสนองผู้เรียนตามความต้องการ ได้หรือไม่ 2. การยอมรับ การปฏิบัติตาม ก่อให้เกิดประสิทธิภาพการเรียนรู้ จริงหรือไม่ 3. ผู้เรียนมีความพร้อม ในการเรียนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่
ข้อพึงระวังในการตั้งวัตถุประสงค์การเรียนการสอน - นักออกแบบการเรียนการสอนต้องมีความมั่นใจว่า ผู้เรียนมีความพร้อมจริงในการออกแบบแต่ละเนื้อหา - เป็นการยากที่จะบอก คำนวณระยะเวลาที่สำเร็จในการเรียนได้ - นักออกแบบการเรียนการสอนต้องออกแบบให้ยืดหยุ่น ในระยะเวลาต่างๆ ได้ - นักออกแบบการเรียนการสอนต้องคำนึงถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น โดยดูลักษณะเฉพาะของโรงเรียนนั้นๆ - ในการออกแบบกาเรียนการสอนจะต้องมีการ Try Out มิเช่นนั้นแล้วจะประสบความสำเร็จเฉพาะกลุ่มคนเล็กๆ เท่านั้น - ในการออกแบบการเรียนการสอนจะต้องอาศัยทีมในการทำงาน ไม่สามารถทำตามลำพัง เช่น ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์สาขาต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ เป็นต้น
00197 โดย ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ 2009-06-09 18:53:40 v : 2487
|