ปัญหาของคนปวดหลัง
ปัญหาของคนปวดหลัง นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคกระดูกและข้อ
โรคปวดหลังเป็นอีกปัญหาหนึ่งที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่วัยกลางคนขึ้นไปและมักเกิดกับคนที่เป็นโรคกระดูกและข้อ หากสุ่มตัวอย่างกลุ่มผู้ใหญ่ 5 คน อาจพบว่า 4 คนในกลุ่มเคยมีอาการปวดหลัง และอาการปวดหลังนี้เป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้บางคนต้องหยุดพักงานและขาดรายได้ ้ กระดูกสันหลังบริเวณบั้นเอวจะประกอบด้วยโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อที่ซับซ้อน เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างร่างกายส่วนบนกับ ร่างกายส่วนล่าง คือ ทรวงอก แขน เชิงกราน และขากระดูกสันหลังมีหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหว เช่น การหันตัว การเอนตัว ก้มตัว และช่วยในการทรงตัว รวมทั้งความแข็งแรงที่ทำให้เรายืน เดิน และยกของได้ การทำกิจวัตรประจำวันของคนเราต้องอาศัยการทำงานที่เหมาะสมของกล้ามเนื้อ และกระดูกสันหลังส่วนล่างอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นอาการปวดหลังจึงเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่ทำให้เราไม่สามารถ ทำงานได้ตามปกติ แม้กระทั่งเดินหรือเคลื่อนไหวก็ลำบาก และทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง
โดยทั่วไปคนที่ปวดหลังส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงเท่าไหร่ ยังพอจะรักษาได้ โดยการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน หรือการรับประทานยา แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อรับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดและการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
เราปวดหลังได้อย่างไร?
สาเหตุของการปวดหลังมีได้หลายอย่าง เช่น คนที่เคยเกิดอุบัติเหตุมีผลต่อกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง คนที่อายุมากขึ้นมีการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง การติดเชื้อของกระดูกสันหลัง และโรคมะเร็งที่ลุกลามมาที่กระดูกซึ่งมักเกิดกับคนเป็นมะเร็งที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป จะทำให้มีอาการเจ็บปวดมาก และแม้ขณะนอนพักก็ยังมีอาการปวดอยู่
อาการปวดหลังมักจะเกิดจากการที่กล้ามเนื้อสันหลังเกร็งตัว กล้ามเนื้อของกระดูกสันหลังส่วนบั้นเอวนี้เป็นส่วนที่สำคัญในการเคลื่อนไหว การทรงตัว และกิจวัตรประจำวันของร่างกาย เช่น การยืน การเดิน การยกของ ถ้าเรายืนหรือเดินในท่าที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการใช้งานกล้ามเนื้อหลังมากเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อตึงมากขึ้นจนทำให้ปวดหลังได้ ซึ่งการ ใช้งานของกล้ามเนื้อหลังมากเกินไป เช่น การยกของหนัก การยืน หรือเดินนานๆ ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวนี้เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดที่ทำให้คนปวดหลัง บางครั้งอาจจะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น โรคอ้วน การสูบบุหรี่ หรือในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มักจะบ่นปวดหลังมาก เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น และท้องที่โตขึ้นจนทำให้จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ในผู้สูงอายุที่เริ่มมีการเสื่อมสลายของหมอนรองกระดูกสันหลัง และข้อต่อระหว่างกระดูกสันหลัง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดได้กับทุกคนแล้วแต่ว่าใครจะเป็นมากหรือน้อย ถ้าหมอนรองกระดูกเสื่อมมากก็จะทำให้หลังแข็งและปวดหลังตามมา ซึ่งข้อต่อของกระดูกที่มีการเสื่อมสลายจะมีกระดูกงอกออกมาเนื่องจากการเสื่อมของข้อ (บางคนเข้าใจผิดคิดว่าเกิดจากการรับประทานแคลเซียมมากเกินไป) กระดูกที่งอกออกมานี้อาจจะไปกดทับเส้นประสาท ทำให้ปวดหลังและปวดร้าวไปยังบริเวณสะโพก อีกทั้งยังเจ็บร้าวลงไปทางด้านหลังของต้นขา นอกจากนี้ยังอาจจะมีอาการชา ซึ่งส่วนใหญ่มักจะชาที่บริเวณด้านข้างของขา
กระดูกพรุนและเกิดกระดูกสันหลังยุบ เมื่อมีอายุมากขึ้นกระดูกจะบางลงโดยเฉพาะผู้หญิงที่หมดประจำเดือน ทำให้กระดูกไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้ จึงทำให้เกิดกระดูกสันหลังยุบลงในคนที่เป็นโรคกระดูกพรุน
หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท หมอนรองกระดูกเป็นส่วนที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลัง 2 ชิ้น เมื่อมีอายุมากขึ้นในช่วงวัยกลางคนอาจพบว่ามีร่องหรือรอยร้าวเกิดขึ้นในหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหลัง ถ้ามีรอยร้าวเกิดขึ้นที่หมอนรองกระดูกมากขึ้นจะส่งผลให้สารชนิดหนึ่งที่เป็นสารเหลวซึ่งอยู่ตรงกลางของหมอนรองกระดูกสันหลังไหลออกมา ทำให้ไปกดทับเส้นประสาท จึงเกิดอาการปวดหลังร้าวลงไปที่น่องขา และในส่วนที่เกิดการกดทับเส้นประสาทนี้ยังเกิดสารเคมีบางอย่างที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเส้นประสาททำให้มีอาการปวดมาก
ปวดหลังแบบไหนต้องผ่าตัด ส่วนใหญ่แล้วอาการปวดหลังสามารถรักษาให้หายด้วยวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด แต่แพทย์อาจวินิจฉัยให้บางท่านเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด เพราะเหตุที่ว่าต้องการกำจัดเอาสิ่งที่ไปกดทับเส้นประสาท เช่น หมอนรองกระดูกสันหลังออก เนื่องจากเส้นประสาทถูกกดจึงทำให้มีอาการปวดมาก แม้รักษาด้วยยาในเวลาที่เหมาะสมและการปรับเปลี่ยนท่าทางที่ถูกต้องแล้วอาการก็ยังไม่ดีขึ้นหรือเกิดอาการกล้ามเนื้อ อ่อนแรงจากเส้นประสาทที่ถูกกดทับ หรือมีอาการอุจจาระหรือปัสสาวะลำบาก เป็นต้น ถ้าแบบนี้จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด
อย่าละเลยเมื่อปวดหลัง เมื่อมีอาการปวดหลัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด แล้วจึงรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ ส่วนใหญ่แล้วมักพบว่าการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน การใช้หลังอย่างถูกวิธีก็สามารถทำให้อาการปวดหลังทุเลาลงได้ เช่น การปรับเปลี่ยนอิริยาบถในขณะยืน นั่งทำงาน การนอนพัก ทำงานเบาๆ การรับประทานยาลดปวดและยาลดการอักเสบเพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาท เมื่ออาการปวดเริ่มทุเลาลง ก็สามารถเริ่มทำกายภาพบำบัดได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นการเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อหลัง และกล้ามเนื้อหน้าท้อง ในขณะเดียวกันการออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ร่างกาย ถ้าคนที่มีน้ำหนักมากก็จำเป็นต้องลดน้ำหนักลงนะครับ ส่วนคนที่สูบบุหรี่ก็ควรหยุดสูบบุหรี่ เพื่อลดโอกาสการปวดหลังลง การรักษาในระยะยาวที่ได้ผลดีที่สุดก็คือการป้องกัน หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะทำให้เกิดอาการปวดหลัง ระวังท่าทางในการยกของหนัก ถ้าจำเป็นต้องยก ก็ต้องทำอย่างถูกวิธีครับ
วิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการปวดหลัง สมพัฒน์ จำรัสโรมรัน ที่ปรึกษาด้านการออกกำลังกาย
ปัจจัยในชีวิตประจำวันที่มีผลต่อการปวดหลัง
• ขาดการออกกำลังกาย • อ้วน หรือน้ำหนักตัวมากกว่าปกติ • อยู่ในลักษณะท่าทางที่ไม่เหมาะสม จากการนั่งหรือยืนทำงานนานๆ • ท่าทางการยกของที่ไม่ถูกต้อง • ความเครียด • มีการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนี้มากเกินไป
เราจะป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการปวดหลังได้โดย
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณลำตัวแข็งแรงและยืดหยุ่นดี • ควบคุมน้ำหนักตัวอย่างเหมาะสม • ในการนั่งทำงาน ควรให้ลำตัว สะโพก และเข่าทำมุมในแนวตั้งฉาก เท้าทั้งสองข้างวางราบกับพื้น • หากจำเป็นต้องยืนนานๆ ให้หาที่พักเท้าเพื่อลดการตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณหลัง • ไม่ควรอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานๆ ควรมีการหยุดพักหรือเปลี่ยนอิริยาบถบ้างอย่างน้อยทุกๆ ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงการตึงตัวของ กล้ามเนื้อ อันเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดหลัง อาจจะลุกเดินไปมาหรือยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจได้ทั้งนั้น • เวลายกของจากพื้นควรใช้การย่อเข่า ให้ตัวอยู่ชิดกับของมากที่สุด และในขณะยกของขึ้นให้ออกแรงที่ขามากกว่าใช้หลังในการยก ดังในภาพ • ควรหลีกเลี่ยงการก้มหรือบิดลำตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทำพร้อมกันทั้งสองอย่าง เพราะอาจส่งผลให้กระดูกและหมอนรองกระดูกเกิดการบาดเจ็บขึ้นมาได
ที่มา: http://www.healthtoday.net/thailand/disease/disease_82.html
00122 โดย ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ 2009-05-11 20:27:39 v : 2398
|