พระยูไล หรือในสำเนียงจีนกลางเรียกว่า หรูไหลฝอ (如来佛) มีความหมายเดียวกันกับ หรูไหลฝอจู่ (如来佛祖) พระนามคำนี้เป็นที่กังขาของหลายคนที่สับสนในความหมาย ว่าหมายถึงพระพุทธรูปหรือพระโพธิสัตว์องค์ใด ซึ่งความหมายที่แท้จริงของพระนามคำนี้ ไม่ได้หมายถึงพระนามที่เป็น “ชื่อเฉพาะ” ของพระองค์ใดเลย หากแต่เป็นเพียงคำเรียกแทนพระนามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงกับคำว่า “ตถาคต” หรือ “พระนามพระพุทธเจ้า” มีความหมายว่า “พระผู้ไปแล้วอย่างนั้น” ซึ่งเป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกตัวพระองค์เอง
                 
          ดังนั้น “ยูไล (如来)” ก็คือ “พุทธ (佛)” และ “ยูไล” ก็คือคำคำเดียวกันกับ “พระพุทธเจ้า” ซึ่งชาวจีนนิยมเรียกว่า ซื่อเจียโหมวหนี (释迦牟尼) โดยในสำเนียงแต้จิ๋วจะออกเสียงเรียกว่า เส็กเกี่ยมอนี หรือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า นั้นเอง
          ในพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานนิกายที่มีการเคารพนับถือกันอย่างกว้างขวางในประเทศจีนนั้น มีความเชื่อกันอีกว่า “พระนาม” แห่งพระพุทธองค์ที่ทรงใช้เรียกแทนตัวพระองค์เองนั้นมีจำนวนถึง 10 พระนาม ดังที่มีปรากฏใน “คัมภีร์พุทธะวจนะสิบพระนาม(佛说十号经)” ดังนี้
·         หรูไหล (如来)                       อิงกง (应供)
·         เจิ้งเติ่งเจวี๋ย (正等觉)            หมิงสิงจู๋ (明行足)
·         ซ่านซื่อ (善逝)                      ซื่อเจียนเจี่ย (世间解)
·         อู๋ซ่างซื่อ (无上士)                 เตี้ยวอวี้จ้างฟู (调御丈夫)
·         เทียนเหรินซือ (天人师)          ซื่อจุน (世尊)
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า คำว่า “หรูไหล”(ยูไล) เป็นพระนามแรกของพระพุทธเจ้า(พระศากยมุนีพุทธเจ้า) จึงทำให้คำว่า หรูไหล (ยูไล) เป็นคำที่คุ้นหูและได้ปรากฏในพระคัมภีร์อื่น ๆ ทางพระพุทธศาสนามากที่สุดเช่นกัน 
พุทธลักษณะขององค์พระยูไล มักอยู่ในปางประทับนั่งบนปัทมาสน์(บัลลังค์ดอกบัว) พระพักตร์อวบอิ่มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตา ด้านหลังของพระองค์มักสร้างเป็นรูปประกายรัศมีหรือประภามณฑล(คล้ายเปลวไฟ) บางครั้งจะวาดให้มีประกายรัศมีดุจดั่งดวงอาทิตย์ บนพระอุระจะมีสัญลักษณ์ “สวัสติกะ” หรือ “ว่าน” 
 อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งความสุขสวัสดีและเครื่องหมายประจำพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ดังนั้น การประดิษฐานองค์พระยูไลก็จะมีความหมายเช่นเดียวกับการประดิษฐานพระพุทธรูปในฝ่ายหินยาน เพราะสำหรับคติความเชื่อแบบจีนนั้น พระพุทธเจ้าก็คือพระองค์เดียวกันกับพระศากยมุนีพุทธเจ้า และในการวางตำแหน่งของพระยูไล จะนิยมวางไว้ตรงกึ่งกลาง บางครั้งจะมีการตั้งพระยูไลเพื่อสักการะบูชา โดยด้านข้างอาจจะวางพระโพธิสัตว์องค์สำคัญไว้ก็มีให้เห็นเช่นกัน
       
                     ภูเขาอู่จื่อซาน (五指山)
ในตำนานเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับพระยูไล มักมีประติมากรรมเป็นรูปฝ่าพระหัตถ์ของพระยูไล เรียกกันว่า ฝ่ามือยูไลหรือ ยูไลเสินจ่าง(如来神掌) ความหมายของคำ ๆ นี้มาจากตำนานเรื่อง “ไซอิ๋ว”(西游记) ที่เล่าถึงเห้งเจีย(ซุนหงอคง) ผู้เก่งกาจสามารถ ซึ่งแม้แต่กองทัพสวรรค์นับหมื่นก็ไม่อาจเอาชนะได้ แต่เพราะความทระนงของซุนหงอคงที่อาจหาญมาพนันขันต่อกับพระยูไล โดยประกาศว่าสามารถเหาะเหินได้ไกลหลายพันลี้ และสามารถกระโดดข้ามพ้นฝ่าพระหัตถ์ขององค์พระยูไลได้อย่างง่ายดาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าซุนหงอคงจะกระโดดไกลเพียงใด เหาะเหินไปมากเพียงไหน ก็ยังไม่อาจก้าวข้ามพ้นภูเขา 5 ยอดสูงที่อยู่เบื้องหน้าได้ ซึ่งภูเขาห้ายอดนั้น แท้ที่จริงแล้วก็คือฝ่าพระหัตถ์ขององค์พระยูไลนั้นเอง ผลจากการพ่ายแพ้นี้ ทำให้ซุนหงอคงต้องถูกทับอยู่เบื้องใต้ภูเขา 5 ยอดนั้น ซึ่งเรียกกันว่า ภูเขาอู่จื่อซาน (五指山) นานถึง 5 ร้อยปี
จากเหตุการณ์ในตำนานเรื่องนี้ จึงเป็นที่มาของคำว่า “หรูไหลเสินจ่าง” (ฝ่ามือยูไล) และยังเป็นเสมือนรูปเคารพที่เป็นคติเตือนใจไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใดมีความทระนงหรือหยิ่งยะโสในตนเอง
        
    
                
                
             