|
แจกกอดฟรี
พัชรินทร์ ศิริวิสุทธิรัตน์
สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต
ด้วยความเร่งรีบในการดำเนินชีวิตของคนในปัจจุบัน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของสมาชิก ในครอบครัวเหินห่างกันมากยิ่งขึ้น การถ่ายทอดความรักส่งถึงกันจึงเป็นเสมือนหนึ่งกำลังใจที่จะเชื่อมโยงให้ความผูกพันฉัน พ่อ แม่ ลูก ยังคงเหนียวแน่น ทว่าการแสดงออกซึ่งความรักนั้นมีอยู่หลายวิธี ทั้งการสื่อสารด้วยภาษาพูด อันหมายถึงคำพูดดีๆ สักประโยค หรือการสัมผัสทางกาย ที่สามารถทำได้ไม่ยาก อย่างเช่นการ “กอด” เพราะการกอดและการสัมผัสแห่งรักเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญอย่างมากต่อการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ กอด...สามารถสื่อถึงสิ่งต่างๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความห่วงใย อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความผูกพัน ในครอบครัวและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กันอีกด้วย คุณค่าของอ้อมกอดจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะ ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น มีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่อง “อ่านแล้วขอกอด” ของดีเจนภาพร ในคำนำเขียนไว้ได้อย่างน่าอ่านว่า
คนรักกัน... กอดกัน เอาหัวใจชนกัน
ไม่ต้องบอกรักกัน... ไม่ต้องบอกคิดถึง... ไม่ต้องซื้อดอกไม้
กอดกันเงียบๆ นิ่งๆ แน่นๆ จนหายใจแทบไม่ออก
ช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ บางคนยอมหยุดหายใจ
กอดกันกลม... โลกก็กลม หรือนี่คือการจำลองโลกไว้ในร่างกายเรา
อยู่ในท้องแม่ ท้องก็กลม
การกอด คือ การประสานมือให้เป็นวงกลมโอบคนที่เรารัก
เพื่อบอก... อยู่ในอ้อมกอดไม่ต้องกลัว... อยู่ในโลกไม่ต้องกลัว
อยากให้กอดก็บอกกันตรงๆ
เพราะคนที่เราอยากให้กอด ก็คือ โลกทั้งใบของเราไม่ใช่หรือ ?
ซึ่งในความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าเป็นคำนำที่อธิบายถึงคำว่า “ กอด” ไว้อย่างน่ารัก และเข้ากับ ยุคสมัยได้ดีทีเดียว คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการกอดนั้นแทนความรู้สึกหรือคำพูดได้มาก สัมผัสที่เราได้รับรู้เป็นความอบอุ่นซึ่งไม่ว่าจะเป็นการกอดระหว่างหญิงชาย พ่อแม่ลูก พี่กับน้อง เพื่อน ญาติผู้ใหญ่ ครูกับลูกศิษย์ ต่างก็เป็นความรู้สึกที่ดีทั้งนั้น
เมื่อพูดถึงเด็กที่ขาดโอกาส ขาดความรัก เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ คงจะนึกถึงเด็กในสถานสงเคราะห์ ซึ่งแน่นอนว่าเด็กๆ เหล่านั้นเขาขาดรักจากพ่อและแม่อย่างชัดเจน นั่นก็เพียงเพราะว่าพวกเขาเป็นเด็กกำพร้า แต่ยังมีบางแง่มุมหนึ่ง นั่นก็คือเด็กๆ ที่มีทั้งพ่อและแม่ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ในบ้าน ที่ดูเหมือนจะเป็นครอบครัวสมบูรณ์พูนสุข แต่ทว่าเด็กๆ ในครอบครัวที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความพรั่งพร้อมนี้ ก็มีโอกาสที่จะรู้สึกได้ว่า พวกเขาขาดสิ่งสำคัญบางอย่างในชีวิตไปได้เหมือนกัน
รายการจุดเปลี่ยน ได้เคยนำเสนอเรื่องความสำคัญของการกอด ในตอน : บ้านอุ่นด้วย อ้อมกอด” (วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2552 ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี) ทีมงานได้ลงไปสำรวจ พบว่า มีเด็กต้องการให้พ่อแม่แสดงความรักด้วยการกอดถึง 50% และพบว่า มีเด็กที่เคยได้รับการกอดรัดสัมผัสจากพ่อและแม่ 47% แต่ในจำนวนนี้ก็เป็นการกอดลูกเพียงแค่บางครั้งบางคราว จากการสอบถามเด็กส่วนใหญ่ต้องการให้พ่อแม่กอดทุกวัน เพราะนั่นเป็นการแสดงออกที่เด็กรับรู้ว่าพ่อแม่รักเขาอยู่ และคิดต่อไปว่าการที่พ่อแม่ไม่กอดเขา อาจเป็นเพราะพ่อแม่ไม่รักเขาหรือรักเขาน้อยลง มีตัวอย่างจากครอบครัวหนึ่ง แม่ถึงกับน้ำตาไหลเมื่อได้อ่านแบบสอบถามของลูกว่าสิ่งที่เด็กคิดว่าเขายังขาดอยู่คืออะไร? น้องเขาตอบว่า “ความรัก” และสิ่งที่ต้องการจากพ่อและแม่ คือ ต้องการให้พ่อแม่กอดทุกวัน ซึ่งคุณแม่เองก็ยอมรับว่าที่ไม่กอดลูกนั้น เพราะเห็นว่าลูกเป็นเด็กผู้ชายและ โตแล้ว และคิดไม่ถึงว่าลูกจะรู้สึกเช่นนี้ เพราะลูกไม่เคยแสดงออกถึงความรู้สึกที่แท้จริงภายในใจ แต่แท้จริงแล้วเด็กก็ยังต้องการให้พ่อแม่กอดรัดสัมผัส ดูแลเอาใจใส่เขาอยู่ ในประเด็นนี้ เคยมีงานวิจัย กล่าวไว้ว่า การกอดมากๆ บ่อยๆ นั้นจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้กับเด็กได้มาก ยิ่งถ้าเป็นเด็กชาย นั่นยิ่งเป็นผลดี คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจกลัวว่า หากแสดงความรักด้วยการกอดกับลูกชายแล้ว จะทำให้ลูกชายกลายเป็นคนอ่อนแอ อาจจะเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ไปได้ แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด ตรงกันข้าม การกอดกลับยิ่งทำให้ลูกชายได้มีการซึมซับบุคลิกภาพของคุณพ่อได้มากขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถซึมซับความเป็นชายได้ง่ายขึ้นและมั่นคงขึ้นอีกด้วย
แม้ว่าการกอด จะไม่ใช่ทั้งหมดในชีวิต ที่แสดงให้เห็นว่า นั่นคือ..ความรักจากพ่อและแม่ หากแต่...กอด...คือสัมผัสรัก ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ลูกๆ ทุกคนต่างก็ถวิลหา รู้สึกอบอุ่นและมั่นคง ทุกครั้งเมื่อพ่อกับแม่กอดเขา บางครั้ง...อ้อมกอด...ก็รักษาอาการป่วยไข้ให้กับลูกได้ดีกว่ายา บางครั้ง...กอด..ก็อาจมีค่ามากกว่าของเล่นเสริมพัฒนาการราคาแพง ซึ่งสำหรับพ่อแม่แล้ว "การกอดไม่มีต้นทุน ไม่ต้องลงทุน" ที่สำคัญ...กอด...เป็นสิ่งที่พ่อ และแม่ไม่ต้องไปตระเวนซื้อหาที่ไหน ไม่ต้องการอุปกรณ์ใดๆ และไม่ต้องการเวลามากมายอะไร เรากอดกันได้ทุกวัน ไม่มีการกำหนด ช่วงอายุ และไม่มีวันหมดอายุ แต่ทั้งนี้ การแสดงออกก็ต้องให้อยู่ในความพอดี การแสดงออก มากเกินไปก็จะส่งผลลบต่อเด็กได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นการกระทำใดๆ ก็ควรจะอยู่ในพื้นฐานของความเหมาะสมและความพอดีด้วย
เวอร์จิเนีย ซาเทียร์ ( Virginia Satir) นักบำบัดจิตวิทยาครอบครัว กล่าวว่า... ความรัก คือการกอด
คนเราต้องการการกอดวันละ 4 ครั้ง เพื่อการดำรงชีวิต
คนเราต้องการการกอดวันละ 8 ครั้ง เพื่อการดำเนินชีวิต
คนเราต้องการการกอดวันละ 12 ครั้ง เพื่อการเจริญเติบโต
เมื่อเป็นเช่นนี้ หากพ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่กอดลูกหลานของตนเองไว้ แล้วใครจะกอด... ถึงแม้หลายๆ ครอบครัวที่ไม่เคยทำมาก่อนอาจจะรู้สึกขัดเขิน จู่ๆ จะมาเริ่มต้นกอดกันตอนหลังๆ มันก็คงเป็นไปได้ยาก แต่ในความเป็นจริงแล้วการกอดไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่ใครหลายๆคนคิด เพียงแต่เราเริ่มต้น ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนให้กับคนที่เรารัก ทั้งลูก หลาน เหลน โหลนกันเลยทีเดียว เราสามารถกอดกันได้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะร้อน หนาว หรือฝนตก กอดไม่ต้องมีการลงทุน
ทั้งนี้ความไว้วางใจซึ่งกันและกันในครอบครัวเป็นน้ำหล่อเลี้ยงพิเศษที่จะหลอมรวมสัมพันธ์ระหว่าง พ่อ แม่ ลูก และคนในครอบครัวให้แนบแน่น ทั้งนี้การกอดที่ดีควรเป็นความจริงใจ เป็นความปลอดโปร่งของอารมณ์ที่บริสุทธิ์ให้ผู้ถูกกอดสัมผัสได้ด้วย การกอดจึงเป็นภาษากาย ที่จำเป็นในครอบครัวไม่ว่าจะระหว่างใครก็ตาม เพียงแค่คำพูดอาจไม่สามารถสื่อภาษาใจได้ชัดเจนเท่ากับการกระทำ แล้ววันนี้คุณกอดกันแล้วหรือยัง?
ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการ "กอด" ด้วยอ้อมกอดแห่งรัก
บรรณานุกรม
ดีเจนภาพร. อ่านแล้วขอกอด. กรุงเทพฯ : book show ,2554
รายการจุดเปลี่ยน. เรื่องความสำคัญของการกอด ตอน : บ้านอุ่นด้วยอ้อมกอด, พุธที่ 31 ตุลาคม 2552 ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี
Oknation.net. กอดบำบัด. เข้าถึงได้ที่ http://www.oknation.net/blog/monchai83/2010/09/13/entry-1 (13 กันยายน 2553)
บริษัทคิดส์สแสคร์. เสริมสร้างสมองลูกน้อยด้วยการกอด. เข้าถึงได้ที่http://www.kidsquare.com/content/content_detail.php?id=181&catid=360
01137 โดย ดร.ศักดิ์ชัย ภู่เจริญ 2011-10-16 13:32:32 v : 3059
|
.jpg)
